Skip to content
Home
Assessment
Member
Home
Assessment
Search for:
ESG Online Assessment
"
*
" indicates required fields
Step
1
of
5
– คำแนะนำ
20%
คำแนะนำก่อนทำประเมิน ESG Online Assessment
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้พัฒนา ESG Online Assessment สำหรับเป็นเครื่องมือการประเมินระดับ ESG (Environmental, Social and Governance) ขององค์กร ด้วยกรอบการประเมินที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและกรอบการประเมิน SET ESG Ratings เพื่อให้บริษัทจดทะเบียน ภาคธุรกิจ และผู้ที่มีความสนใจ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินระดับความยั่งยืนด้าน ESG ขององค์กรในเบื้องต้น และนำผลคะแนน รวมถึงข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานด้าน ESG ขององค์กรต่อไป
แบบประเมิน ESG Online Assessment แบ่งเป็น 3 มิติ 22 ข้อคำถาม 86 ตัวชี้วัด คะแนนเต็ม 100 คะแนน
การประเมิน
มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ
10 ข้อ 41 ตัวชี้วัด
การประเมิน
มิติสิ่งแวดล้อม
6 ข้อ 21 ตัวชี้วัด
การประเมิน
มิติสังคม
6 ข้อ 24 ตัวชี้วัด
ในแต่ละข้อประเมินผู้ทำแบบประเมินสามารถเลือกตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก
หลังทำแบบประเมินเสร็จ บริษัทจะทราบผลคะแนนการประเมินตนเอง พร้อมคำแนะนำและเอกสารประกอบเพื่อศึกษาเพิ่มเติม
Disclaimer:
ข้อคำถามและข้อเสนอแนะที่ปรากฏใน ESG Online Assessment ถือเป็นกรรมสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาของตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อน
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
*
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ชื่อบริษัท
*
ชื่อย่อหลักทรัพย์
*
อุตสาหกรรม
*
บริษัทสามารถตรวจสอบกลุ่มอุตสาหกรรมได้จาก
https://www.set.or.th/th/market/get-quote/stock
——– เลือกอุตสาหกรรม ———
เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (Agro & Food Industry)
สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products)
ธุรกิจการเงิน (Financials)
สินค้าอุตสาหกรรม (Industrials)
อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction)
ทรัพยากร (Resources)
บริการ (Services)
เทคโนโลยี (Technology)
อีเมล
*
การเปิดเผยข้อมูล
ยินยอม
ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ทางสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า เพื่อเป็นข้อมูลในการประชาสัมพันธ์กิจกรรม/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้าน ESG ที่จัดขึ้นโดยสถาบันฯ รวมถึงการส่งข้อมูลไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการประชาสัมพันธ์กิจกรรม/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้าน ESG โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ
โปรดเลือกทุกประเด็นที่บริษัทมีการดำเนินการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
บรรษัทภิบาลและจรรยาบรรณธุรกิจ
1. นโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการ
จัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการ
จัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับคณะกรรมการ
จัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสีย
2. การสรรหากรรมการและ CEO
จัดทำตารางวิเคราะห์ Skill Matrix ของกรรมการบริษัท
กำหนดเกณฑ์การสรรหากรรมการ โดยพิจารณาจาก Skill Matrix ร่วมด้วย
กำหนดเกณฑ์การสรรหา CEO โดยคำนึงถึงความรู้ ประสบการณ์ หรือทักษะที่จำเป็น
3. การปฏิบัติงานและการประเมินผลกรรมการและ CEO
คณะกรรมการบริษัทพิจารณานโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
ประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการแบบทั้งคณะหรือรายบุคคลเป็นประจำทุกปี
มีการพัฒนาศักยภาพของกรรมการ โดยจัดอบรมเองหรือสนับสนุนให้กรรมการเข้าร่วมอบรมเรื่อง ESG ที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
CEO ดูแลให้มีการนำนโยบายด้านความยั่งยืนไปปฏิบัติ และติดตามแผนงานด้านความยั่งยืน เช่น CEO เป็นคณะอนุกรรมการ/ คณะทำงานด้านความยั่งยืน มีการรายงานผลการดำเนินงานด้าน ESG ให้ CEO ทราบอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น
มีตัวชี้วัดด้าน ESG เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการปฏิบัติงานของ CEO
4. การจัดทำจรรยาบรรณธุรกิจที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่
การต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชัน
การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
การป้องกันการใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหาผลประโยชน์
การรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ และข้อมูลความลับทั้งขององค์กร คู่ค้า และลูกค้า
5. การสื่อสารเกี่ยวกับจรรยาบรรณธุรกิจ
จัดอบรมเกี่ยวกับจรรยาบรรณธุรกิจให้พนักงานใหม่
จัดอบรม มีการทบทวนความรู้ หรือทดสอบความรู้ด้านจรรยาบรรณธุรกิจให้พนักงานปัจจุบันเป็นประจำทุกปี
6. กระบวนการติดตามเพื่อให้มีการปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจ
เปิดเผยช่องทางให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส เมื่อพบเห็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย/ระเบียบ/จรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท
กำหนดขั้นตอนแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำและการจัดการเรื่องการฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจ เช่น ขั้นตอนการสอบสวน การแก้ปัญหา การลงโทษผู้กระทำผิด การเยียวยากรณีมีผู้เสียหาย เป็นต้น
ติดตามการปฏิบัติตามจรรยาบรรณเป็นประจำ เช่น การตรวจสอบด้วยหน่วยงานตรวจสอบภายใน การตรวจสอบโดยหัวหน้างาน เป็นต้น
รายงานผลการติดตามการปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจ ต่อคณะกรรมการบริษัทหรือคณะอนุกรรมการที่กรรมการมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ
การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียและการกำหนดประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
7. การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียและการกำหนดประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
ระบุผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทว่ามีกลุ่มใดบ้าง
นำความคิดเห็นและข้อมูลสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้เสียไปใช้ในการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน (Material Topics)
คำอธิบาย
: ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน (Material Topics) แสดงให้เห็นถึงเรื่องสำคัญต่าง ๆ ที่บริษัทต้องดำเนินการ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายตามนโยบายด้านความยั่งยืนขององค์กร โดยประเด็นดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงและโอกาสของธุรกิจ
ระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน (Material Topics) ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง และวิเคราะห์ได้ว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญหรือส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร
เปิดเผยนโยบาย/ กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ที่ตอบสนองต่อประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร
ทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและนโยบาย/กลยุทธ์ความยั่งยืน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต
8. การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต
มีนโยบายบริหารความเสี่ยงในระดับองค์กร ซึ่งครอบคลุมถึงการระบุความเสี่ยงด้าน ESG
มีผู้รับผิดชอบสูงสุดในระดับปฏิบัติการ (ไม่รวม CEO) ต่อการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มีการบริหารความเสี่ยงตามนโยบายที่กำหนด เช่น หน่วยงานความเสี่ยงขององค์กร
คำอธิบาย
: ไม่รวม CEO เนื่องจาก CEO เป็นฝ่ายบริหารและมีหน้าที่ในการบริหารจัดการความเสี่ยงในภาพรวมขององค์กรอยู่แล้ว
ประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม หรือบรรษัทภิบาล (ESG Risk) และมีแผนบริหารความเสี่ยงดังกล่าว
ติดตามและประเมินผลการบริหารความเสี่ยงของบริษัทอย่างน้อยปีละสองครั้ง
มีระบบการบริหารความต่อเนื่องการดำเนินงาน (Business Continuity Management: BCM) หรือแผนดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP)
ส่งเสริมให้พนักงานมีความตระหนักถึงการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เช่น การอบรมให้ความรู้ กำหนดให้มีการประเมิน RCSA (Risk and Control Self assessment) เป็นต้น
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
9. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
มีจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ที่กำหนดให้คู่ค้าต้องมีการดำเนินงานครอบคลุมประเด็น ESG เช่น การต่อต้านคอร์รัปชัน การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง การมีข้อกำหนดด้านการจ้างงานและสภาพการทำงานของพนักงานอย่างเป็นธรรม เป็นต้น
กำหนดให้ประเด็น ESG เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ที่จะเป็นคู่ค้ารายใหม่ (New Approved Vendor)
มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงหรือกระบวนการตรวจสอบคู่ค้ารายใหม่ว่ามีการดำเนินการด้าน ESG หรือไม่
ติดตามการปฏิบัติตามจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า เช่น ให้คู่ค้าประเมินตนเอง ตรวจประเมิน On site ESG Audit โดย Third party เป็นต้น
มีนโยบายการชำระเงินให้แก่คู่ค้า โดยระบุระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะชำระเงินให้คู่ค้าภายในกี่วัน การกำหนดระยะเวลาชำระเงินควรคำนึงถึงความสัมพันธ์กับคู่ค้าและผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน หากกำหนดระยะเวลาชำระเงินนานเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโดยรวม ทำให้คู่ค้าขาดสภาพคล่องและอาจส่งผลกระทบต่อการส่งมอบสินค้าหรือบริการ
ชำระเงินให้แก่คู่ค้าตามนโยบายที่กำหนด เพื่อให้คู่ค้ามีสภาพคล่องทางการเงินและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
มีโครงการหรือกิจกรรมที่บริษัทช่วยพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า เช่น การจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ESG ให้แก่คู่ค้า การมีส่วนร่วมปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานของคู่ค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
การพัฒนานวัตกรรม
10. การพัฒนานวัตกรรมหรือการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
ส่งเสริมการคิดค้น พัฒนา หรือต่อยอดนวัตกรรมให้เกิดขึ้นภายในบริษัท เช่น มีหน่วยงานนวัตกรรมขึ้นมาดูแลอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้พนักงานนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การดำเนินการในลักษณะ Open Innovation จัดงาน Innovation Day ให้พนักงานประกวดนวัตกรรม เป็นต้น
มีการพัฒนาปรับปรุงสินค้า / บริการ / กระบวนการจนเกิดเป็นนวัตกรรม
คำอธิบาย
:
– นวัตกรรม คือ การสร้างสรรค์เชิงบวกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้มีส่วนได้เสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงสินค้า บริการ กระบวนการ ขั้นตอนการทำงานทั้งที่เป็นเรื่องใหม่ การพัฒนาต่อยอด หรือปรับปรุงเรื่องเดิมให้ดีขึ้น
– นวัตกรรมควรมีกรอบระยะเวลาที่ไม่เก่าเกินไปเพื่อให้เกิดการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในการประเมินนี้ นวัตกรรมไม่ควรเก่ากว่า 2 ปี นับจากวันที่ออกจำหน่ายหรือวันที่เริ่มใช้กระบวนการนวัตกรรม (หากนานกว่านั้นจะไม่ถือเป็นนวัตกรรม)
โปรดเลือกทุกประเด็นที่บริษัทมีการดำเนินการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
การจัดการสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
11. การจัดการสิ่งแวดล้อม
มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ เช่น การปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือกฎหมายหรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งแวดล้อม การควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
มีหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบเพื่อจัดการและดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร เช่น การใช้ทรัพยากร การจัดการของเสีย เป็นต้น (ไม่รวมถึงคณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) เว้นแต่ คปอ. มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่จัดการและดูแลสิ่งแวดล้อมในองค์กรด้วย)
12. การใช้ไฟฟ้า/พลังงาน
กำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณในการลดการใช้ไฟฟ้า/พลังงาน หรือเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น ปริมาณไฟฟ้า/พลังงานที่ต้องการลด ร้อยละของปริมาณไฟฟ้า/พลังงานที่ต้องการลด เป้าหมายการลดการใช้ไฟฟ้า/พลังงานต่อหน่วยการผลิต ต่อรายได้ หรือต่อจำนวนคน เป้าหมายการเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
มีโครงการหรือกิจกรรมเพื่อลดการใช้ไฟฟ้า/พลังงานจากพลังงานฟอสซิล หรือพลังงานจากแหล่งที่ใช้แล้วหมดไป (Non renewable Energy)
เปิดเผยข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้า/พลังงานของบริษัท
เปิดเผยข้อมูลปริมาณไฟฟ้า/พลังงานที่บริษัทใช้ลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
13. การใช้น้ำ
กำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณในการลดการใช้น้ำ (เช่น น้ำดิบ น้ำประปา เป็นต้น) หรือการดึงน้ำ (Water Withdrawal) เช่น ปริมาณของน้ำที่ต้องการลด ร้อยละของปริมาณน้ำที่ต้องการลด เป้าหมายการลดการใช้น้ำดิบหรือการดึงน้ำต่อหน่วยการผลิต รายได้ จำนวนคน หรือต่ออื่นใด เป็นต้น
มีมาตรการหรือแนวทางประหยัดน้ำ ลดการสูญเสียน้ำ หรือการนำน้ำมาใช้หมุนเวียน ไม่รวมถึงการนำน้ำเสียไปบำบัดก่อนปล่อยออก
เปิดเผยข้อมูลปริมาณการใช้น้ำหรือการดึงน้ำ
เปิดเผยข้อมูลปริมาณน้ำที่บริษัทใช้ลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
14. การจัดการขยะ/ของเสีย
กำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณในการลดขยะ/ของเสียไม่อันตราย
คำอธิบาย
: ขยะ/ของเสียไม่อันตราย คือ สิ่งของที่ไม่ใช้แล้วที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการขององค์กร ซึ่งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งที่เกิดจากกระบวนการผลิต อาคารสำนักงาน และการดำเนินงานที่ไม่เป็นประจำ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 เช่น ขยะทั่วไป ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิลที่ไม่มีการปนเปื้อนของสารอันตราย เป็นต้น
มีโครงการหรือกิจกรรมเพื่อลดขยะ/ของเสียไม่อันตราย
เปิดเผยข้อมูลปริมาณขยะ/ของเสียไม่อันตราย
เปิดเผยข้อมูลปริมาณขยะและของเสียที่ผ่านกระบวนการ Reuse และ/หรือ Recycle
การจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ
15. การจัดการความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประเมินความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของบริษัท
ตัวอย่างความเสี่ยง:
– ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ในรูปแบบเดิม กระทบต่อกลยุทธ์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
– ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน เช่น ภาวะภัยแล้ง น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินหรือกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เป็นต้น
– ความเสี่ยงด้านการเงิน เช่น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้รายได้ของบริษัทลดลง หรือมีค่าใช้จ่ายในการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น เป็นต้น
– ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย/กฎเกณฑ์ของภาครัฐเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
16. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
มีแนวทางการบริหารความเสี่ยงหรือการปรับตัวในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ประเมินไว้ข้างต้น
กำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ต้องการลด ร้อยละของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ต้องการลด เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต ต่อรายได้ หรือต่อจำนวนคน เป็นต้น เป้าหมาย Net Zero หรือ Carbon Neutrality (โดยระบุปีที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างชัดเจน) เป็นต้น
มีโครงการหรือกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ การชดเชยคาร์บอนขององค์กร เป็นต้น
เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 ของบริษัท
คำอธิบาย
: ก๊าซเรือนกระจก Scope 1 หมายถึง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง เช่น การเผาไหม้ของเครื่องจักร การใช้พาหนะที่เป็นสินทรัพย์ขององค์กร การใช้สารเคมีในการบำบัดน้ำเสียและระบบทำความเย็น เป็นต้น
เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 2 ของบริษัท
คำอธิบาย
: ก๊าซเรือนกระจก Scope 2 หมายถึง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม เช่น การซื้อพลังงานไฟฟ้า หรือไอน้ำ มาใช้ เป็นต้น
เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 ของบริษัท
คำอธิบาย
: ก๊าซเรือนกระจก Scope 3 หมายถึง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น การใช้น้ำประปา การเดินทางของพนักงาน การฝังกลบขยะ การใช้พลังงานและทรัพยากรของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
:
คู่มือการรายงานความยั่งยืนสำหรับบริษัทจดทะเบียน
โปรดเลือกทุกประเด็นที่บริษัทมีการดำเนินการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
17. การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
มีนโยบายเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสินค้าและ/หรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเองหรือนำมาจำหน่าย บริษัทอาจกำหนดประเด็นเหล่านี้ในนโยบาย เช่น ความปลอดภัยของสินค้าและบริการต่อผู้บริโภค การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ความมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและ/หรือบริการที่มีคุณภาพ เป็นต้น
มีแนวปฏิบัติ/มาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินค้าหรือบริการ ที่อาจส่งผลกระทบต่อลูกค้า/ผู้บริโภค
มีระบบประเมินความพึงพอใจลูกค้า
– กรณีที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้ผู้อื่น (OEM) ลูกค้า หมายถึง ผู้ที่ว่าจ้างบริษัทผลิต
– กรณีที่บริษัทมีแบรนด์สินค้าหรือบริการของตนเอง (ODM) ลูกค้า หมายถึง ผู้บริโภค ผู้ซื้อและใช้งานสินค้าหรือบริการ
นำข้อมูลที่ได้จากการประเมินความพึงพอใจของลูกค้ามาพัฒนาและปรับปรุงสินค้า/บริการ/กระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
มีช่องทางที่บริษัทรับข้อร้องเรียนจากลูกค้า/ผู้บริโภคและกระบวนการเพื่อจัดการกับข้อร้องเรียน
การเคารพสิทธิมนุษยชน
18. การเคารพสิทธิมนุษยชน
มีนโยบายสิทธิมนุษยชนครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ มีการดูแลสิทธิของพนักงานให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดในด้านต่าง ๆ การไม่ใช้แรงงานเด็กที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนดหรือการไม่ใช้แรงงานบังคับในบริษัทและในห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น
มีนโยบายที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถรวมกลุ่มเพื่อเจรจาต่อรองกับบริษัทเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน (Freedom of Association) เช่น คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ สหภาพแรงงาน คณะกรรมการลูกจ้าง เป็นต้น
มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น กำหนดขอบเขตกิจกรรมและผู้มีส่วนได้เสียที่จะประเมินความเสี่ยง กำหนดระดับความรุนแรงของผลกระทบและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
ระบุประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ (Salient Human Rights Issues) ได้
มีแนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ประเมินไว้ข้างต้น
การพัฒนาศักยภาพแก่พนักงานและการดูแลพนักงาน
19. การพัฒนาศักยภาพแก่พนักงาน
มีการวิเคราะห์ความจำเป็นในการฝึกอบรมหรือการส่งเสริมความรู้หรือการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เช่น วิเคราะห์จากตำแหน่งงาน จากผลการประเมินการปฏิบัติงาน จากแนวโน้มทางธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
มีโครงการฝึกอบรมหรือส่งเสริมความรู้หรือพัฒนาศักยภาพแก่พนักงาน
มีการจัดทำ Succession Plan สำหรับตำแหน่งงานสำคัญ
เปิดเผยข้อมูลจำนวนชั่วโมงฝึกอบรมหรือส่งเสริมความรู้หรือพัฒนาศักยภาพโดยเฉลี่ยของพนักงานต่อปี
20. การดูแลพนักงาน
ประเมินผลความพึงพอใจและ/หรือความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร (บริษัทควรประเมินความพึงพอใจต่อองค์กรในภาพรวม ไม่ใช่การประเมินผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมหรือการให้สวัสดิการเฉพาะเรื่อง)
นำผลการประเมินความพึงพอใจและ/หรือความผูกพันของพนักงานไปปรับปรุงการดูแลพนักงาน
มีโครงการเพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เช่น การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ให้กับพนักงาน โครงการส่งเสริมการออม เป็นต้น
เปิดเผยจำนวนหรือร้อยละของพนักงานที่ลาออกโดยความสมัครใจ กรณีที่บริษัทแสดงเป็นข้อมูลการพ้นสภาพของพนักงาน ต้องระบุถึงจำนวนพนักงานที่ลาออกโดยความสมัครใจด้วย
คำอธิบาย
: จำนวน/อัตราการลาออกของพนักงานเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร องค์กรที่มีการดูแลของพนักงานอย่างเหมาะสมจะส่งผลให้อัตราการลาออกลดลงได้
สุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน
21. สุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน
มีนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ประเมินความเสี่ยงด้านสุขอนามัยและ/หรือความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานในขั้นตอนการปฏิบัติงาน
– สำหรับธุรกิจที่มีการผลิต สามารถประเมินความเสี่ยงในขั้นตอนการขนส่งวัตถุดิบเข้าโรงงาน การใช้สารเคมี การใช้เครื่องจักร เป็นต้น
– สำหรับธุรกิจที่ไม่มีการผลิตหรือเป็นธุรกิจบริการ สามารถประเมินความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและความเครียดจากการทำงาน เป็นต้น
มีมาตรการหรือแนวทางเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานในขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานมีสุขภาพและสุขสภาวะที่ดีในการทำงาน
เปิดเผยอัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานจากการทำงาน (Lost Time Injury Frequency Rate: LTIFR) ของพนักงาน
คำอธิบาย
: อัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานจากการทำงาน (LTIFR / LTIR) เป็นตัวเลขที่แสดงอัตราการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน 1 วันขึ้นไป โดยมีสูตรคำนวณ คือ (จำนวนการบาดเจ็บ / ชั่วโมงการทำงานทั้งหมด) x 200,000 หรือ 1,000,000 ชั่วโมงการทำงาน
การมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคม
22. การดูแลและพัฒนาชุมชนและสังคม
สำรวจข้อกังวล/ผลกระทบที่ชุมชนและสังคมอาจได้รับจากการดำเนินงานของบริษัท
มีกระบวนการดูแลชุมชนและสังคมเพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท